ผู้เขียน : อาจารย์บรรจง บินกาซัน ประธานโครงการอบรมผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน
ที่มา : คอลัมน์สันติธรรม หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
ลัทธิไซออนิสต์เป็นลัทธิทางการเมืองระดับโลกที่ทรงอิทธิพลลัทธิหนึ่ง ความจริงแล้วลัทธิไซออนิสต์เป็นขบวนการฟื้นฟูชาติยิวที่เกิดขึ้นในตอนต้นศตวรรษที่ 19 แต่ที่เรียกว่าเป็นลัทธิ เพราะพวกไซออนิสต์มีความเชื่อทางศาสนาและความอคติทางเชื้อชาติเป็นของตัวเอง
ชื่อของลัทธิไซออนิสต์มาจากคำว่า “ไซออน” ซึ่งเป็นชื่อของเนินเขาแห่งหนึ่งในเมืองเยรูซาเลม เมืองที่ชาวยิวถือว่าเป็นเมืองหลวงทางจิตวิญญาณของพวกตน
แม้เมืองเยรูซาเลมจะถูกอาณาจักรที่ทรงอำนาจในอดีต เช่น บาบิโลนและโรมันทำลายจนราพณาสูรใน ค.ศ. 70 และชาวยิวต้องถูกขับไล่ออกจากเมืองเยรูซาเลมไปแล้วก็ตาม แต่ชาวยิวยังหวนคำนึงถึงเมืองเยรูซาเลมอยู่ในจิตใจและมีชาวยิวบางกลุ่มอยากจะกลับมามีความยิ่งใหญ่อีกครั้งเหมือนในอดีตที่พวกตนเคยมีอาณาจักรอิสราเอลเป็นของตัวเอง
ด้วยความรู้สึกอยากจะหวนกลับมายิ่งใหญ่เหมือนในอดีตนี้เอง ใน ค.ศ. 1897 ชาวยิวประมาณ 200 คนจากประเทศต่างๆในยุโรป จึงได้เดินทางมาประชุมกันอย่างลับๆที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อวางแผนสร้างอาณาจักรอิสราเอลอันยิ่งใหญ่ของตนอีกครั้งหนึ่ง ตรงนี้เองที่ลัทธิไซออนิสต์ได้เกิดขึ้นโดยมีนายธีโอดอร์ เฮอร์เซิล (Theodore Herzl) นักหนังสือพิมพ์ชาวออสเตรีย-ฮังการีเป็นผู้นำ ที่ประชุมในครั้งนั้นตกลงกันว่าอาณาจักรอิสราเอลจะกินดินแดนตั้งแต่แม่น้ำไนล์ถึงแม่น้ำยูเฟรตีสซึ่งชาวยิวอ้างว่าเป็นดินแดนที่พระเจ้าได้สัญญาไว้กับพวกตน
ถามว่าดินแดนที่พระเจ้าสัญญาไว้กับชาวยิวนั้นมาจากไหน?
คำตอบคือ ลัทธิไซออนิสต์อ้างว่ามาจากคัมภีร์ไบเบิล พันธะสัญญาเก่าซึ่งมีข้อความดังต่อไปนี้
เมื่อโลทจากอับรามไปแล้ว พระเจ้าตรัสแก่อับรามว่า “เจ้าจงเงยหน้าแลดูสถานที่ตั้งแต่เจ้าอยู่นี้ไปทางทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ดินแดนทั้งหมดที่เจ้าแลเห็นนี้ เราจะยกให้เจ้าและพงศ์พันธ์ของเจ้าต่อไปเป็นนิตย์ เจ้าจงลุกขึ้นเดินเที่ยวไปตลอดดินแดนนี้ให้ทั่วทั้งด้านยาวด้านกว้างเถิด ด้วยว่าเราจะยกดินแดนนี้ให้เจ้า” (ปฐมกาล 13.14-17) และ
ในวันนั้น พระเจ้าทรงกระทำพันธะสัญญาไว้กับอับรามว่า “เรามอบดินแดนนี้ให้เชื้อสายของเจ้าแล้ว ตั้งแต่แม่น้ำอียิปต์ไปถึงแม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรตีส…” (ปฐมกาล 15.18)
อับรามหรืออับราฮัม บรรพบุรุษของชาวยิวและชาวอาหรับมาจากเมืองอูร์ในอิรัก แต่ท่านไม่ใช่ยิว เพราะคำว่ายิวเกิดขึ้นหลังสมัยโมเสส
ข้อความดังกล่าวในคัมภีร์ไบเบิลมีมาก่อนคัมภีร์กุรอาน ดังนั้น ในสมัยของนบีมุฮัมมัด การทึกทักว่าดินแดนที่พระเจ้าสัญญาว่าจะให้พวกยิวจึงถูกพระเจ้าโต้แย้งไว้ในคัมภีร์กุรอานว่า
“จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของอิบรอฮีมทรงทดสอบเขาในบางสิ่ง แล้วเขาได้ปฏิบัติตามโดยครบถ้วน พระองค์ทรงตรัสว่า “ฉันจะทำให้เจ้าเป็นผู้นำของมนุษยชาติ” เขาได้ถามว่า “สัญญานี้รวมถึงลูกหลานของฉันด้วยหรือไม่?” พระองค์ตรัสว่า “สัญญา ของฉันไม่แผ่ถึงพวกอธรรม” (กุรอาน 2.124)
เชื้อสายของอับราฮัมมีทั้งชาวอาหรับและชาวยิว ดังนั้น ลูกหลานของอับราฮัมคนใดที่ไม่เป็นธรรมก็ไม่อยู่ในข่ายที่จะได้ดินแดนนี้ แต่ขบวนการไซออนิสต์ต้องการแผ่นดินดังกล่าวไว้สำหรับชาวยิวเป็นการเฉพาะ แต่เมื่อรู้ว่าลำพังชาวยิวไม่สามารถบรรลุถึงวัตถุประสงค์ของตนได้ ดังนั้น ยิวไซออนิสต์จึงอ้าแขนรับชาวคริสเตียนเข้ามาสู่ลัทธิของตนด้วย
ในตอนนั้นแผ่นดินปาเลสไตน์อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรออตโตมาน นายธีโอดอร์ เฮอร์เซิล หัวหน้าขบวนการไซออนิสต์ จึงเดินทางไปขอซื้อดินแดนปาเลสไตน์จากสุลต่านอับดุลฮามิด ประมุขของอาณาจักรออตโตมาน แต่ถูกปฏิเสธ ดังนั้น นายธีโอดอร์ เฮอร์เซิล จึงไปปรึกษารัฐบาลอังกฤษ เจ้าอาณานิคม รัฐบาลอังกฤษเสนอประเทศยูกันดาในแอฟริกาให้ชาวยิวไปตั้งประเทศ แต่ขบวนการไซออนิสต์ไม่ต้องการที่ใดในโลกสำหรับการสร้างอาณาจักรของชาวยิวนอกไปจากดินแดนปาเลสไตน์ ดร.นาฮูม โกลด์แมน ประธานสภายิวโลก กล่าวว่า
“ชาวยิวจะเอายูกันดา มาดากัสการ์ และสถานที่อื่นๆสำหรับตั้งปิตุภูมิชาวยิวก็ได้ แต่พวกเขาไม่ต้องการที่ใดนอกจากปาเลสไตน์ ไม่ใช่เพราะน้ำทะเลแดงที่สามารถผลิตโลหะมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ มิใช่เพราะผืนดินข้างใต้ของปาเลสไตน์มีน้ำมันมากกว่าในสำรองของสองอเมริกาถึง 20 เท่า แต่เพราะปาเลสไตน์เป็นทางแยกของยุโรป เอเชีย และแอฟริกา เพราะปาเลสไตน์เป็นศูนย์กลางโดยแท้จริงของอำนาจการเมืองโลก เป็นศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์สำหรับการครองโลก”
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อาณาจักรออตโตมานเติร์กล่มสลายใน ค.ศ. 1924 แผ่นดินอิสลามที่เคยเป็นหนึ่งเดียวถูกชาติมหาอำนาจผู้ชนะสงครามแบ่งแยกออกเป็นประเทศเล็กประเทศน้อยที่ล้าหลังและอ่อนแอ ในที่สุดชาติมหาอำนาจที่ประกอบด้วย อังกฤษ สหรัฐ และรัสเซีย ก็สมรู้ร่วมคิดกันตั้งรัฐอิสราเอลขึ้นมาใน ค.ศ. 1948
และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการหลั่งเลือดชาวปาเลสไตน์และความขัดแย้งในตะวันออกกลางจนแม้แต่สหรัฐก็ไม่สามารถควบคุมอิสราเอลได้ นายแอเรียล ชารอน อดีตนายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ที่เพิ่งล่วงลับไปเมื่อเร็วๆนี้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2001
“ทุกครั้งที่เราทำอะไรบางอย่าง คุณบอกผม อเมริกาจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผมต้องการบอกคุณบางอย่างชัดๆเลยว่า อย่ากังวลเรื่องอเมริกากดดันอิสราเอล เราชาวยิวควบคุมอเมริกาอยู่และชาวอเมริกันรู้”
อิสราเอลกับสหรัฐ ใครใหญ่กว่ากัน ท่านผู้อ่านตัดสินเอาเองก็แล้วกัน
****************************************
อ้างอิงค์ : http://knowislamthailand.org/article/306-zionist
วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559
“หม่อมโจ้” เขียนจม.เปิดผนึกฉะทูตยิว แฉเบื้องหลังป่วนโลกคือกลุ่มทุนธนาคารยิวไซออนิสต์
วานนี้ (27 พ.ค. 58) ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร หรือ หม่อมโจ้ ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกฉะเอกอัครราชทูตไซออนิสต์ประจำประเทศไทย ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว roongunaml หลังจากที่ทูตอิสราเอลเขียนตอบโต้ ในกรณีที่ หม่อมโจ้เขียนบทความเหน็บไซออนิสต์ ทั้งบทความดังกล่าวยังนำเสนอ “มุมมองอีกด้าน” ที่เกี่ยวข้องกับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อดีตผู้นำเผด็จการเยอรมนี ในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยจดหมายเปิดผนึกมีเนื้อหา ดังนี้ :
เรียน ท่านเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย H.E. Mr. Simon Roded
ข้าพเจ้ารับทราบถึงความไม่พอใจของท่านกับบทความของข้าพเจ้า ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ข้าพเจ้าได้เขียน เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าโดยบริสุทธิ์ใจ อันเป็นสิทธิที่ข้าพเจ้าจะแสดงได้ โดยความเห็นของข้าพเจ้านั้น เป็นไปตามข้อมูลหลักฐานอันมีจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้มีความพยายามในการกลบและบิดเบือน แม้กระนั้น ท่านอาจแปลกใจคิดว่า แล้วไฉนทั้งที่ข้าพเจ้าและประเทศไทยที่ไม่ได้มีส่วนได้เสีย ข้าพเจ้าจึงต้องไปเขียนในเรื่องราวสร้างความบาดหมางให้แก่ท่าน ข้าพเจ้าจึงใครที่จะชี้แจงตรงนี้ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนเพื่อที่จะก่อความบาดหมางให้แก่ท่านหรือแก่ผู้ใด และ เรื่องราวที่ข้าพเจ้าเขียนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าและและต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง
อย่างแรก ‘กลุ่มทุนธนาคารยิว Zionist’ ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ข้าพเจ้ากล่าวถึงคนเพียงกลุ่มหนึ่ง มิใช่ชาวยิวทั้งหมด โดยคำว่า ‘Zionist’ แม้แต่ชาวยิวแท้ Orthodox Jews ที่ยึดมั่นใน Torah จำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วยเลย ดังที่พวกเขาได้ออกมาประท้วง ประกาศว่า ‘Zionism’ ไม่ใช่ ‘Judaism’ เอง ท่านทูตน่าจะพอทราบอยู่ เพราะใน Israel ก็มีการจับชาวยิวแท้ ที่มีอัธยาศัยดีเหล่านี้ ไปจำคุกอยู่จำนวนหนึ่ง
‘ทุนธนาคาร Zionist’ ที่ข้าพเจ้าพูดถึง หมายถึงกลุ่มทุนธนาคารที่เป็นผู้มีอำนาจที่สุดในโลก มีอำนาจเหนือรัฐหลายรัฐ รวมถึงมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา เขาคุมการเงินโดยกลุ่มของเขาเอง เป็นเจ้าของ Federal Reserve Bank ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ที่พิมพ์เงินให้รัฐบาลสหรัฐต้องกู้ มิใช่ของประชาชนชาวอเมริกันตามที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด กลุ่มทุนธนาคารของเขาเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทยักษ์ใหญ่แทบทั้งสิ้นทั่วโลก รวมถึง 6 บริษัทที่คุม 90%ของสื่อในสหรัฐอเมริกา เขาคุมแหล่งนํ้ามันและก๊าซหลักๆทั่วโลก และกำลังรุกเพื่อควบคุมผูกขาดอาหารของโลกโดยการผลิต GMO แม้แต่องค์กรโลกเช่น UN ที่ให้กำเนิด World Bank และ IMF ล้วนเป็นองค์กรที่พวกเขาจัดตั้งขึ้น และควบคุมทั้งสิน
ชื่อตระกูลที่โดดเด่นมีอิทธิพลสูงสุดใน ‘ทุนธนาคาร Zionist’ นี้ได้ แก่ ‘Rothschild’ และ ‘Rockefeller’ ชื่อ ‘Rothschild’ ท่านทูตย่อมรู้จักเป็นอย่างดี โดยใน ‘Independence Hall’ ที่ Tel Aviv เมืองหลวงของท่านเอง ก็มีนิทรรศการเอกสารชิ้นสำคัญมากชิ้นหนึ่งเรียกว่า ‘The Balfour Declaration’ เป็นจดหมายจากรัฐบาลอังกฤษ จ่าหัวถึง ‘Lord Rothschild’ ใน 1917 แสดงถึงการที่รัฐบาลอังกฤษสนับสนุนให้เกิด บ้านอยู่ (national home) ของชาวยิว ที่ Palestine แก่ ‘Lord Rothschild’ Baron Edmond (Abraham Benjamin) Rothschild จึงมีสถานะเป็น “the Father of the Settlements” (Avi ha-Yishuv) หรือบิดาแห่งอิสราเอล
ในสี่บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก หรือ ‘The Four Horsemen of Oil’ ที่อยู่เบื้องหลังนโยบายการครอบครองน้ำมันของสหรัฐ 2 บริษัท คือ BP Amoco และ Royal Dutch/Shell อยู่ภายไต้การควบคุมของตระกูล Rothschild ที่ถือหุ้นใหญ่ ส่วน อีกสอง Exxon Mobil และ Chevron คือ บริษัทที่มาจาก Standard Oil ของ John D. Rockefeller โดยกรรมการของบริษัทน้ำมันเหล่านี้จำนวนหนึ่ง ไขว้กันเองเป็นใย และไขว้เป็นกรรมการของธนาคารยักษ์ใหญ่เช่น JP Morgan Chase ของ Rockefeller และ Citigroup, Bank of America, Wells Fargo, N. M. Rothschild & Sons โดยตระกูล Rothschild ควบคุม และมีการเชื่อมโยงถือหุ้นไขว้กันกับกลุ่มทุนนอมินียักษ์เช่น BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ที่ถือหุ้นใหญ่บริษัทยักษ์ใหญ่ แทบทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย
ในการสร้างอำนาจเหนือรัฐต่างๆ ‘ทุนธนาคาร Zionist’ เหล่านี้ ได้จัดตั้งองค์กร Front ของเขา อาทิเช่น The Bilderberg Group, Council on Foreign Relations (CFR) และ The Trilateral Commission (TC) โดยองค์กรเหล่านี้จะรวมกลุ่ม ‘ทุนธนาคาร Zionist’ และบรรดาผู้มีอิทธิผล เช่นอดีตประธานาธิบดี บริวารมือขวาของเขา Henry Kissinger นักการเมืองทุกขั้ว ทหาร หัวหน้าหน่วยงานลับ ของประเทศสำคัญในยุโรป และสหรัฐ โดยใน Trilateral Commission จะมีสมาชิกเป็นบุคคลสำคัญของประเทศในทวีปเอเชียต่างๆที่รับใช้พวกเขา ‘ทุนธนาคาร Zionist’ จึงมีอิทธิผลอำนาจเหนือรัฐ เช่นมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา
ด้วยความละโมบของพวกเขา ในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยกำลังก็ดี โดยวิธีแห่งการให้สินบนแก่ผู้ขายชาติตนเองก็ดี โดยการบีบบังคับด้วยหนี้สินก็ดี โดยการแทรกแซงการเมืองภายในก็ดี ‘ทุนธนาคาร Zionist’ เหล่านี้ ได้เข้ายึดครองทรัพยากร พลังงาน เศรษฐกิจ และการเงิน ของประเทศต่างๆทั่วโลก ทำให้ประชาชนของประเทศนั้นๆตกเป็นทาสของพวกเขา โดยในประเทศไทยเอง ปรากฏหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำ ที่ ‘ทุนธนาคาร Zionist’ พร้อมการร่วมมือของ ‘คนไทย’ ที่ได้ขายตัวขายจิตวิญญาณให้พวกเขา ได้ร่วมกระทำ ดังต่อไปนี้ (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงิน (3) การชักใยอยู่เบื้องหลังทุกฝ่าย ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ ‘แบ่งแยกแล้วปกครอง’ เพื่อการยึดครองประเทศเป็นเมืองขึ้นยิ่งขึ้นไป มีรายละเอียดดังต่อไปนี้:
(1) การปล้นโกงนํ้ามันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย โดย ‘ทุนธนาคาร Zionist’
ทั้งที่ประเทศไทย มีอธิปไตยของตนเอง โดยอธิปไตย นั้นเป็นของปวงชนชาวไทย อันหมายความว่าทรัพยากรของชาตินั้นเป็นของประชาชนคนไทย แต่ปรากฏว่า กฎหมายว่าด้วยน้ำมันและก๊าซ (พรบ. ปิโตรเลียม 2514) มิได้มีการเขียนขึ้นไม่ว่าจะ ‘โดย’ ประชาชน หรือ ‘เพื่อ’ ประชาชน แต่อย่างใด แต่ได้ถูกเขียนขึ้นโดย Walter James Levi สมาชิกทั้ง CFR และ The Trilateral Commission ผู้ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐ ขั้นขึ้นชื่อว่าเป็น หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์พลังงานของสหรัฐอเมริกา (the dean of United States oil economists) และ ได้เป็นผู้บริหารบริษัทของตระกูล Rockefeller เองคือ Standard Oil Company of New York หรือ Socony (ปัจจุบันคือ Exxon) คนที่เขียนกฎหมายนี้ของประเทศไทย ไม่ใช่คนไทย แต่คือคนของ ‘ทุนธนาคาร Zionist’
เนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวเอง ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของ ‘ทุนธนาคาร Zionist’ โดยมีลักษณะของกฎหมายสำหรับเมืองขึ้นอันไม่เป็นธรรม คือ น้ำมันและก๊าซทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับสัมปทาน การได้สัมปทานเป็นไปโดยไม่มีการประมูลอย่างโปรงใส ค่าตอบแทนเป็นไปอย่างต่ำ และ ประชาชนคนไทยที่เป็นเจ้าของโดยแท้จริง ไม่สามารถตรวจสอบรับทราบความจริงได้เลย โดยวิธีที่สามารถจะเรียกว่าโปรงใสได้ ว่าปริมาณทรัพยากรที่มีการขุดไปนั้นมีปริมาณที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด ประเทศไทยมีพลังงานมากน้อยแค่ไหนโดยต้องยอมรับตามตัวเลข ที่บริษัทพลังงานต่างๆแจ้งเท่านั้น
การปล้นอธิปไตยโดย ‘ทุนธนาคาร Zionist’ เป็นไปได้ด้วยการข่มขู่ไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมการให้สินบนแก่ ‘คนไทยที่ขายชาติตัวเอง’ ซึ่งจากนั้นมา การรุกครอบครองนํ้ามันและก๊าซของประชาชนคนไทย โดยวิธีการดังกล่าวได้ขยายไปเรื่อยๆ มีการแก้ใขกฎหมายเพิ่มเติม ให้เอื้ออำนวยผู้รับสัมปทานอย่างล้นพ้นโดยภายหลังจะเห็นได้ชัดเจนถึงผู้เข้า มามีอำนาจในไทย ไม่ว่าขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ได้สานต่อไปในทาง ‘ขายชาติตัวเอง’ ให้แก่ ‘ทุนธนาคาร Zionist’ เหล่านี้เพื่อค่าคอมมิชชั่น ถึงขั้นร่วมกันชง ส่งลูกกันข้ามรัฐบาล ยกดินแดนไทยให้กัมพูชา อันส่งผลให้พื้นที่ไทยในทะเลอ่าวไทย 27,000 ตารางกิโลเมตรอันอุดมด้วยนํ้ามันและก๊าซที่สุดแห่งหนึ่ง ต้องตกกลายเป็นพื้นที่พิพาท ระหว่างไทยกับกัมพูชา
ซึ่งในพื้นที่นี้ บริษัท Chevron คือบริษัทที่จ่อล็อคจะถือสัมปทานจากทั้ง 2 ประเทศ ในกรณีนี้ที่มีการพิพาทเรื่องพื้นที่ในอ่าวไทย หากไทยและกัมพูชา ให้สัมปทานในพื้นที่นี้ ผู้ที่จะมีอิทธิพลสูงสุดในการครอบครอง ย่อมมิใช่ไทยหรือกัมพูชาอีกทั้งนั้น แต่จะเป็นสหรัฐอเมริกาภายใต้กลุ่ม ‘ทุนธนาคาร Zionist’ เพราะสัมปทานจะเป็นของ Chevron โดยเอกฉันท์ ฝ่ายใดที่ให้ประโยชน์แก่สหรัฐสูงสุด สหรัฐย่อมสนับสนุนฝ่ายนั้น
ในปัจจุบัน การถูกปล้นอธิปไตย การตกเป็นอาณานิคมของ ‘ทุนธนาคาร Zionist’ อย่างเต็มรูปแบบในเรื่องพลังงาน ก็ประจักษ์ชัดเจนอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยในปัจจุบัน นาย ณรงค์ชัย อัครเสรณี ผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ได้เป็นสมาชิก The Trilateral Commission (TC) องค์กรของ ‘กลุ่มทุนธนาคาร Zionist’ ยาวนานถึง 30 ปี โดยเมื่อเข้ามาแล้ว ก็ไม่รีรอที่จะประกาศผลักดันเปิดสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจ และไม่มีการชี้แจงอันใดเกี่ยวกับการเสียดินแดนของประเทศไทย ทั้งที่มีการคัดค้าน
ด้วยประการฉะนี้ การปล้นโกงนํ้ามันและก๊าซ โดย ‘ทุนธนาคาร Zionist’ จึงมิได้ครอบคลุมเพียงแค่นํ้ามันและก๊าซอีกต่อไป แต่ ได้ขยายไปเป็นการปล้นดินแดนไทย จากประชาชนคนไทย ไปโดยเรียบร้อย
(2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงินของประเทศ
การที่เถ้าแก่สามานย์รายใดจะต้องการยึดที่ดินสวยๆของชาวนา วิธีที่เขาจะกระทำคือ ให้ชาวนากู้เงิน ทำให้จ่ายหนี้ไม่ได้ เมื่อจ่ายช้าก็อายัดที่ดินนั้น บังคับขายในราคาตํ่ากว่าจริงสิบเท่า แล้วเข้าซื้อเอง
วิธีการของ ‘ทุนธนาคาร Zionist’ ก็เป็นเช่นนั้น ทำให้ประเทศเป็นหนี้ หลังการปล่อยกู้เงินให้แก่ประเทศไทยจำนวนมากให้คน น้อยกว่า 1% อย่างฟุ่มเฟือย George Soros สมาชิกอาวุโส CFR ได้นำกลุ่ม ‘ทุนธนาคาร Zionist’ มาโจมตีค่าเงินบาท จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ กลายเป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ เพราะกู้เงินจากต่างชาติมามาก เศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่วิกฤติ มีการล่มสลายของธุรกิจจำนวนมาก
ต่อมาก็เป็นไปตามแบบแผนวิธีการของ IMF และ World Bank ที่ 51% เป็นของ US Treasury ควบคุมโดย ‘ทุนธนาคาร Zionist’ ของ Rothschild ตามขั้นตอนที่ Joseph Stiglitz ผู้เป็นอดีตประธานที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจของ President Bill Clinton อดีตรองประธาน และ Chief Economist ของ World Bank ได้เปิดโปงให้แก่หนังสือ The Observer และ Newsweek หลังมีเอกสารลับหลุดออกมาจาก World Bank คือในการขอความช่วยเหลือทางการเงิน จำต้องเซ็นสัญญา โดยในสัญญาจะตกลงใน (a) Privatization การแปรรูป โดยรัฐจะต้องยินยอมขายสมบัติของชาติเกี่ยวเนื่องกับสิ่งจำเป็น อาทิเช่น นํ้า ไฟฟ้า นํ้ามันและก๊าซ (b) Capital Market Liberalization การเปิดให้ทุนไหลเข้าออก โดยส่วนใหญ่มักจะไหลออก (c) Market-based pricing การขึ้นราคา อาหาร ไฟฟ้า นํ้ามันและก๊าซ โดยอ้างว่าเป็นราคาตลาดโลก (d) Free Trade การค้าเสรี ตามกฎของ WTO และ World Bank
Stiglitz ได้ระบุในการสัมภาษณ์ อย่างชัดเจนว่า การยินยอมในการตกลงนั้นเกิดขึ้นไม่ยากโดย (ก) World Bank IMF สามารถสั่ง Financial Blockage การกีดกันทางการเงินหากไม่ร่วมมือ และ (ข) นักการเมืองในประเทศนั้นๆ ยินดีที่จะยกบริษัท นํ้า ไฟฟ้า นํ้ามันและก๊าซ ให้โดย ‘เขาจะตาโตกันเลย เมือเขานึกถึงค่าคอมมิชชั่นที่เขาจะได้กัน จากการลดราคาเป็นพันๆล้านในการแปรรูป’ โดยเขาจะสามารถใช้ข้ออ้างว่า ถูก World Bank IMF บังคับ
แล้วการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับก็ได้ตามมา พร้อมการขายสมบัติชาติแบบล็อคสเป็กในราคาที่ตํ่ากว่าทุนถึง 5 เท่า ตามด้วยการแปรรูปบริษัทนํ้ามันก๊าซของชาติ โดยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าไม่ว่าจะในกรณี การยกดินแดนให้ต่างชาติ หรือ การแปรรูป จะเกิดขึ้นโดยการร่วมมือของมากกว่าหนึ่งรัฐบาล โดยฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชง อีกฝ่ายเป็นฝ่ายจัดการ ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นไปเพื่อการสามารถโยนความผิดกันไปมาได้ โดยไม่มีใครผิดเต็มๆ โดยในกรณีนี้ แม้ขั้วนักการเมืองกลุ่มที่รับข้อตกลงรับรายละเอียดในการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับจาก ‘ทุนธนาคาร Zionist’ นี้พยายามจะโยนความผิดให้ผู้ริเริ่มการตกลง แต่ก็ปรากฏให้เห็นได้ถึงการการตอบแทน เมื่อคนของเขาได้ไปนั่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ WTO
โดยการโจมตีค่าเงิน การบีบข่มขู่ การให้สินบนแก่ผู้เข้ามามีอำนาจทุกขั้ว ที่ร่วมกันขายชาติตนเอง ‘ทุนธนาคาร Zionist’ อาทิเช่น JP Morgan Chase, BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ได้เข้ามายึดครองควบคุม บริษัทนํ้ามันก๊าซ ธนาคาร และ เศรษฐกิจการเงินของประเทศไทย ไปจากคนไทย และยังรุกคืบยิ่ง ณ ปัจจุบัน ตามข่าวการแปรรูปที่ปรากฎอยู่
(3) การชักใยอยู่เบื้องหลัง ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ ‘แบ่งแยกแล้วปกครอง’ (Divide and Conquer) เพื่อการยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ
เป็นที่ประจักษ์ ว่าไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ที่เข้ามามีอำนาจ ล้วนให้ความร่วมมือกับ ‘ทุนธนาคาร Zionist’ ในการขายทำลายชาติ โดยมีค่าคอมมิชชั่น ทั้งในทรัพยากรและในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม สามารถควบคุม ชักใยได้ทุกฝ่าย
ยุทธศาสตร์ ‘แบ่งแยกแล้วปกครอง เป็นยุทธศาสตร์ที่มีตัวอย่างเห็นได้ในโลกปัจจุบันมากมายในการเข้ายึดครอง ประเทศต่างๆของ ‘ทุนธนาคาร Zionist’ โดยการยุยงให้เหยื่อตีกันเอง บางกรณีให้อาวุธทั้ง 2 ฝ่าย ทำลายภูมิคุ้มกันความสามัคคีของชนชาตินั้นๆ สร้างความแตกแยก โดยเมื่อมีรอยแตก ก็สามารถจะแทรกเข้าไป ยึดครองประเทศนั้นๆ
ยุทธศาสตร์ ‘แบ่งแยกแล้วปกครอง เป็นยุทธศาสตร์ที่มีตัวอย่างเห็นได้ในโลกปัจจุบันมากมายในการเข้ายึดครอง ประเทศต่างๆของ ‘ทุนธนาคาร Zionist’ โดยการยุยงให้เหยื่อตีกันเอง บางกรณีให้อาวุธทั้ง 2 ฝ่าย ทำลายภูมิคุ้มกันความสามัคคีของชนชาตินั้นๆ สร้างความแตกแยก โดยเมื่อมีรอยแตก ก็สามารถจะแทรกเข้าไป ยึดครองประเทศนั้นๆ
ความแตกแยก ปัญหาความขัดแย้งเสื้อสี ที่ปรากฏอยู่ในประเทศไทย ล้วนมีการชักใย มีการสนับสนุน ทั้ง 2 ฝ่ายการเมือง โดยมีกลุ่ม ‘ทุนธนาคาร Zionist’ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนักการเมืองทั้ง 2 ขั้ว โดยทั้ง 2 ขั้ว นั้นล้วนมีผลประโยชน์ในเรื่องคอมมิชชั่น จากกลุ่ม ‘ทุนธนาคาร Zionist’ และถูกชักใยให้ปลุกปั้นประชาชน ให้มาตีกันเองโดยการรู้ไม่เท่าทันของประชาชน ว่าโดยแท้จริงแล้ว นักการเมืองและผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ล้วนให้ความรวมมือ ขายชาติตนเองแก่ ‘ทุนธนาคาร Zionist’ ทั้งสิ้น
หลักฐานปรากฎชัดเจนว่าสมาชิก CFR ของ ‘กลุ่มทุนธนาคาร Zionist’ อาทิเช่น (a) Robert Blackville สมาชิก CFR มือขวาการต่างประเทศของ Henry Kissinger จาก Barbour Griffif & Rogers (CFR) (b) Keneth Adelman สมาชิก CFR อดีตทูต UN ของสหรัฐ จาก Baker & Botts Robert (CFR) (c) Robert Amsterdam จาก Amsterdam & Peroff (Chatham House) ได้ทำหน้าที่เป็น lobbyist ให้อดีตนักการเมืองที่หลบอยู่ที่ Dubai และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการเสื้อแดง และองค์กร NED ได้ให้เงินสนับสนุน Website ของเสื้อแดงจำนวนมาก โดยต้องเป็นที่กล่าวว่า นักการเมืองไทยที่หลบหนีอยู่ที่ Dubai นั้น โดยแท้จริงแล้วเป็นเพียงหุ่นเชิด ที่ ‘กลุ่มทุนธนาคาร Zionist’ ชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งโดยลำพังเขาไม่สามารถ ที่จะทำเองได้เลย
ส่วนนักการเมืองผู้เข้ามามีอำนาจ ฝ่ายอื่นๆ ที่โหน อ้าง ปกป้อง สถาบันสำคัญๆ ฝ่ายนี้ โดยการขายตัวขายชาติ การปรารถนาได้ค่าคอมมิชชั่น ทั้งในนํ้ามันก๊าซ และในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม ก็ไม่พ้นการอยู่ภายใต้อำนาจการชักใยของ ‘กลุ่มทุนธนาคาร Zionist’ ที่เป็นผู้กำกับการแสดง จูงทั้งสองสามฝ่าย ให้ชงและส่งลูกให้กัน เสี้ยมให้ชาติ ล่มสลาย เพื่อการปล้นยึดครองอย่างเบ็ดเสร็จ ในระหว่างที่สหรัฐ แขนขวาของ ‘กลุ่มทุนธนาคาร Zionist’ สนับสนุนฝ่ายหนึ่ง แขนซ้าย ก็ทำตัวเข้าสนับสนุนอีกฝ่าย
ข้าพเจ้าจึงจะประกาศ ณ ที่นี้ว่าข้าพเจ้ามิได้รังเกียจประชาชนของชนชาติใด จะเป็นชาวอเมริกันหรือชาวยิวหรือชาติใดใดทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ข้าพเจ้ารังเกียจ คือพฤติกรรม เอาเปรียบ เบียดเบียน แทรกแซง ปล้นทั้งทรัพยากรและดินแดน ทำลายชาติอื่น ที่ ‘ทุนธนาคาร Zionist’ นี้ได้กระทำทั่วโลก ดังนั้น กับคำกล่าวของท่านว่าข้าพเจ้าเหยียดชนชาติ เมื่อความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงไม่เดือดร้อนใดใดทั้งสิ้น แต่ว่าในโลกปัจจุบัน เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะมีค่ายนักโทษอันใดที่กระทำความทารุณโหดร้ายร้ายเท่ากับ ที่สถานที่ชื่อ Gaza และในเมื่อประเทศของท่านเองยังกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว Palestine อย่างที่กระทำอยู่ ท่านยังจะกล้าบังอาจเรียกผู้ใดว่าเหยียดชนชาติได้เสียอย่างไร? จะเรียกใครว่าอย่างไรท่านจงมองตัวเองบ้างเสียเถิด ท่านจงสำเนียกเสียบ้างเถิดว่า พฤติกรรมร้องทำจะเป็นจะตายว่าพวกตนถูกทำร้าย ทั้งที่พวกตนนั้นแหละคือผู้ที่กระทำชำเราเขาไปทั่ว ท่านคิดว่าอย่างไร พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าสมเพชหรือไม่?
ไม่ว่าจะประชาชนชนชาติใด เขาก็ย่อมปรารถนาความสงบสุข เขาย่อมปรารถนาอธิปไตยในชาติของเขาเอง เขาย่อมปรารถนาที่จะตัดสินอนาคตเขาเองเอง เขาย่อมปรารถนาว่าทรัพยากรของเขาจะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของเขาด้วยความ เป็นธรรม เขาย่อมไม่ต้องการให้ใครมาเอาดินแดนของเขาไป แต่ในประเทศไทย ด้วยการชักใย การซื้อคนไทยที่ขายชาติตนเองทุกขั้ว การซื้อสื่อ การปลุกปั้นโดย ‘ทุนธนาคาร Zionist’ เป็นอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ผลคือ คนไทย แทนที่จะรักใครสามัคคีกัน แทนที่จะได้รับผลประโยชน์จากสมบัติอันมีค่าของเขา แทนที่จะมีรัฐสวัสดิการ การรักษาพยาบาล การศึกษา ที่มีคุณภาพ แทนที่จะมีชีวิตที่มีคุณภาพความสุขที่พวกเขาควรได้รับ เขากลับต้องมาเกลียดชังกันเอง ทะเลาะสู้กันเอง เขากลับต้องมาเป็นทาสของ‘ทุนธนาคาร Zionist’ ต้องมาเป็นทาสที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายสู้กันเอง แทนที่จะสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยพวกตนจากความเป็นทาส เพราะความไม่รู้เท่าทัน เพราะการหลอกลวงโดยนักการเมือง ผู้เข้ามามีอำนาจที่หิวโหย ที่ล้วนทำเพื่อตนเอง โดยรับใช้ ถูกชักใยจากนายคนเดียวกันคือ ‘ทุนธนาคาร Zionist’ ทั้งนั้น
ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นที่จะเปิดเผยความจริง ความจริงโดยรอบด้าน และความจริงที่จริงที่สุด โดย เมื่อประชาชนชาวไทยตื่นรู้กับความจริง การเป็นทาสที่ถูกหลอกให้สู้กันเองย่อมหมดไป ความสามัคคีย่อมกลับมา โดยสิ่งนี้สิ่งเดียว คือ การตื่นรู้เท่านั้น ที่จะทำให้ชนชาติไทยรอดพ้นภัยไปได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น มิใช่ว่าประชาชนชาวไทยจะต้องไปเป็นศัตรูกับใคร การตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดังฉันใด และ เมื่อคนไทยตื่นรู้เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นหนึ่งอันเดียวกัน รวมกันปราบปรามเหล่าคนไทยที่ขายชาติตนเองทั้งหลายแล้ว ประเทศและประชาชนชาวไทยย่อมพ้นจากการเป็นอาณานิคม พ้นจากการเป็นเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็น ทาสของ ‘ทุนธนาคาร Zionist’ หรือ กลุ่มทุนอื่นใด
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ประสบการณ์เรื่องการแกว่งแขน
สิ่งที่ดีอยากให้อ่านกันจ้า ประสบการณ์เรื่องการแกว่งแขน
ผมเป็นคนนอนไม่ค่อยหลับ และความดันโลหิตสูง ผมเกือบตายเพราะเชื่อหมอสมัยใหม่ จนต้องเข้าห้องไอซียูเป็นเวลา 7 วัน หลังจากนั้นผมเสื่อมศรัทธาหมอสมัยใหม่ ผมจำเป็นต้องมีทางออก มิ.ย. 2547
ภรรยาผมที่เป็นทันตแพทย์มาบอกผมว่ามีคนไข้ที่
เป็นโรคความดันโลหิตสูงและคอเรสตรอรอลสูง ได้หายจากโรคดังกล่าวภายใน 3 เดือน โดยการแกว่งแขน 2,000 ครั้งต่อวัน ทุกวัน ผมไม่ค่อยสนใจเท่า ไหร่ เพราะไม่รู้ว่าแกว่งแขนอย่างไร
ก.ค. 2547 ผมได้ไปงานวันเกิดของลุงของภรรยา ลุงอายุ 83 ปี แต่สุขภาพและท่าทาง ไม่ต่างจาก คนอายุ 40 ปี เคลื่อนไหวว่องไว พูดจาเสียงดัง ฟังชัด มิหนำซ้ำยังขับรถ ไปไหมมาไหนเอง ผมก็เลยถามลุงว่าลุงมีเคล็ดลับในการบำรุงสุขภาพอย่างไร ? ลุงบอกว่า ลุงแกว่งแขนวันละ 1,000 ครั้ง ทุกวัน
ผมก็เริ่มสนใจว่าการแกว่งแขนเป็นอย่างไร ก็เลยเดินหาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ บังเอิญโชคดี ไปเจอในร้านหนังสือเล็ก ราคา 20 บาท แล้วผมก็ฝึกการแกว่งแขนตามหนังสือช่วง 15 นาที ก่อนนอน จำนวน 1,000 ครั้งทุกวัน ผมนอนหลับได้สนิททุกคืน มิหนำซ้ำยังต้องนอนกลางวันหลังอาหารเที่ยงอีก
อาการอีกอย่างคือเหนื่อยง่าย ซึ่งผมได้กลั้นหายใจในขณะแกว่งแขน ประมาณ 30 รอบของการแกว่งแขน ทุกๆการแกว่งแขน 100 ครั้ง จากนั้นก็ปล่อยลมหายใจออกมา ผมรู้สึกความร้อนวิ่งจากต้นคอขึ้นไปทั่วสมอง นี่หรือเปล่าที่ทำให้เส้นเลือดในสมองได้มีโอกาส
ออกกำลังกายคือให้มีการยืดหยุ่น ทำให้รักษาความดันโลหิตสูง ขณะเดียวกัน อาการเหนื่อยง่ายของผมก็หายไป
ผมได้แชร์ประสบการณ์นี้ให้คุณพิชัย ซึ่งเขาเป็นโรคปัสสาวะไม่สุด และภรรยาเขา เป็นโรคนอนไม่หลับสนิทคือนอนได้ 2-3 ชั่วโมง แล้วก็ตื่น พอเขาไปแกว่งแขน 1,000 ครั้งต่อวัน สม่ำเสมอ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ผมก็เจอคุณพิชัยอีก ผมก็ถามอาการปัสสาวะไม่สุดของเขาอีก ปรากฏว่าเขาลืมปัญหานี้ไปแล้ว เพราะมันหายไปตั้งแต่สองวันแรกที่เขา
แกว่งแขน ขณะเดียวกัน ภรรยาเขาก็นอนหลับ ได้สนิททุกคืน ปัจจุบันทั้งคู่ก็ยังคงแกว่งแขนวันละ 1,000 ครั้ง และคุณพิชัยได้ไปเหมาหนังสือนี้ ทั้งหมดที่สำนักพิมพ์มีอยู่ เพื่อนำไปแจกเพื่อนๆ
อีกคนหนึ่งคือคุณธานี ซึ่งผมได้บอกเรื่องการแกว่งแขนให้เขาฟัง แล้วเขาก็เอาไปบอกให้พ่อเขาซึ่งมีอาการปวดเข่า หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน พ่อเขาก็หายจาก อาการดังกล่าว เพราะการแกว่งแขน ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ บางครั้งคนเราอาจ จะอุปโลกขึ้นมาเพื่อหลอกตัวเองก็ได้
นี่เป็นประสบการณ์จริงที่ไม่มีการเสริมแต่งใดๆ เพราะผมไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆจากการเผยแพร่
ประสบการณ์นี้ นอกจากการได้ช่วยให้ญาติมิตร หายจากการเป็นโรคต่างๆ โดยไม่ต้องกินยาของพวกฝรั่ง ที่มีผลข้างเคียงระยะยาว
วิธีการแกว่งแขน
ยืนแยกเท้าเท่าความกว้างของไหล่ ย่อเข่าเล็กน้อย แขนทั้งสองแนบลำตัว ปลายลิ้นแตะเพดานบน จากนั้นยกแขนทั้งสองไปข้างหน้า แล้วผลักแขนทั้งสองไปข้างหลัง แล้วให้แขนกลับมาเองโดยธรรมชาติ เหมือนกับลูกตุ้มนาฬิกา ไม่ช้า ไม่เร็วเกินไป บริเวณลำคอและไหล่ควรจะผ่อนคลาย หลับตาเพ่งสมาธิไปกับการนับจำนวนครั้งในการ
แกว่งแขน ทุกๆ 100 ครั้งของการแกว่ง ควรจะมีการกลั้นลมหายใจ จำนวน 30 ครั้ง ของการแกว่ง ควรจะแกว่งแขนต่อเนื่องกันวันละ 500 ครั้งสำหรับผู้ที่ต้องการให้ร่างกายแข็งแรง และ 1,000 ครั้ง ต่อวัน สำหรับผู้มีโรคประจำตัว
เวลาในการแกว่งที่ดีที่สุดคือก่อนอาบน้ำตอนเย็น หลังการแกว่งทุกครั้ง ฝ่ามือทั้งสองจะมีพลังงาน สะสมอยู่ ให้เอาฝ่ามือทั้งสองถูกันให้เกิดความร้อน แล้วไปลูบบริเวณที่เราต้องการรักษา เช่น หัวใจ ท้อง หรือจมูกคอเมื่อเป็นหวัด
จาก นายสามารถ ล.สกุล
โทร.02-987-5843 (บ้าน) , 081-173-0886 มือถือ
ClipVDO สอนแกว่งแขนอย่างถูกวิธี: http://youtu.be/EirpxHlEJA4
เพื่อนๆ ที่ป่วยจะได้หาย เพื่อน ที่ไม่ป่วยจะได้แข็งแรงกันจ้า
ผมเป็นคนนอนไม่ค่อยหลับ และความดันโลหิตสูง ผมเกือบตายเพราะเชื่อหมอสมัยใหม่ จนต้องเข้าห้องไอซียูเป็นเวลา 7 วัน หลังจากนั้นผมเสื่อมศรัทธาหมอสมัยใหม่ ผมจำเป็นต้องมีทางออก มิ.ย. 2547
ภรรยาผมที่เป็นทันตแพทย์มาบอกผมว่ามีคนไข้ที่
เป็นโรคความดันโลหิตสูงและคอเรสตรอรอลสูง ได้หายจากโรคดังกล่าวภายใน 3 เดือน โดยการแกว่งแขน 2,000 ครั้งต่อวัน ทุกวัน ผมไม่ค่อยสนใจเท่า ไหร่ เพราะไม่รู้ว่าแกว่งแขนอย่างไร
ก.ค. 2547 ผมได้ไปงานวันเกิดของลุงของภรรยา ลุงอายุ 83 ปี แต่สุขภาพและท่าทาง ไม่ต่างจาก คนอายุ 40 ปี เคลื่อนไหวว่องไว พูดจาเสียงดัง ฟังชัด มิหนำซ้ำยังขับรถ ไปไหมมาไหนเอง ผมก็เลยถามลุงว่าลุงมีเคล็ดลับในการบำรุงสุขภาพอย่างไร ? ลุงบอกว่า ลุงแกว่งแขนวันละ 1,000 ครั้ง ทุกวัน
ผมก็เริ่มสนใจว่าการแกว่งแขนเป็นอย่างไร ก็เลยเดินหาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ บังเอิญโชคดี ไปเจอในร้านหนังสือเล็ก ราคา 20 บาท แล้วผมก็ฝึกการแกว่งแขนตามหนังสือช่วง 15 นาที ก่อนนอน จำนวน 1,000 ครั้งทุกวัน ผมนอนหลับได้สนิททุกคืน มิหนำซ้ำยังต้องนอนกลางวันหลังอาหารเที่ยงอีก
อาการอีกอย่างคือเหนื่อยง่าย ซึ่งผมได้กลั้นหายใจในขณะแกว่งแขน ประมาณ 30 รอบของการแกว่งแขน ทุกๆการแกว่งแขน 100 ครั้ง จากนั้นก็ปล่อยลมหายใจออกมา ผมรู้สึกความร้อนวิ่งจากต้นคอขึ้นไปทั่วสมอง นี่หรือเปล่าที่ทำให้เส้นเลือดในสมองได้มีโอกาส
ออกกำลังกายคือให้มีการยืดหยุ่น ทำให้รักษาความดันโลหิตสูง ขณะเดียวกัน อาการเหนื่อยง่ายของผมก็หายไป
ผมได้แชร์ประสบการณ์นี้ให้คุณพิชัย ซึ่งเขาเป็นโรคปัสสาวะไม่สุด และภรรยาเขา เป็นโรคนอนไม่หลับสนิทคือนอนได้ 2-3 ชั่วโมง แล้วก็ตื่น พอเขาไปแกว่งแขน 1,000 ครั้งต่อวัน สม่ำเสมอ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ผมก็เจอคุณพิชัยอีก ผมก็ถามอาการปัสสาวะไม่สุดของเขาอีก ปรากฏว่าเขาลืมปัญหานี้ไปแล้ว เพราะมันหายไปตั้งแต่สองวันแรกที่เขา
แกว่งแขน ขณะเดียวกัน ภรรยาเขาก็นอนหลับ ได้สนิททุกคืน ปัจจุบันทั้งคู่ก็ยังคงแกว่งแขนวันละ 1,000 ครั้ง และคุณพิชัยได้ไปเหมาหนังสือนี้ ทั้งหมดที่สำนักพิมพ์มีอยู่ เพื่อนำไปแจกเพื่อนๆ
อีกคนหนึ่งคือคุณธานี ซึ่งผมได้บอกเรื่องการแกว่งแขนให้เขาฟัง แล้วเขาก็เอาไปบอกให้พ่อเขาซึ่งมีอาการปวดเข่า หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน พ่อเขาก็หายจาก อาการดังกล่าว เพราะการแกว่งแขน ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ บางครั้งคนเราอาจ จะอุปโลกขึ้นมาเพื่อหลอกตัวเองก็ได้
นี่เป็นประสบการณ์จริงที่ไม่มีการเสริมแต่งใดๆ เพราะผมไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆจากการเผยแพร่
ประสบการณ์นี้ นอกจากการได้ช่วยให้ญาติมิตร หายจากการเป็นโรคต่างๆ โดยไม่ต้องกินยาของพวกฝรั่ง ที่มีผลข้างเคียงระยะยาว
วิธีการแกว่งแขน
ยืนแยกเท้าเท่าความกว้างของไหล่ ย่อเข่าเล็กน้อย แขนทั้งสองแนบลำตัว ปลายลิ้นแตะเพดานบน จากนั้นยกแขนทั้งสองไปข้างหน้า แล้วผลักแขนทั้งสองไปข้างหลัง แล้วให้แขนกลับมาเองโดยธรรมชาติ เหมือนกับลูกตุ้มนาฬิกา ไม่ช้า ไม่เร็วเกินไป บริเวณลำคอและไหล่ควรจะผ่อนคลาย หลับตาเพ่งสมาธิไปกับการนับจำนวนครั้งในการ
แกว่งแขน ทุกๆ 100 ครั้งของการแกว่ง ควรจะมีการกลั้นลมหายใจ จำนวน 30 ครั้ง ของการแกว่ง ควรจะแกว่งแขนต่อเนื่องกันวันละ 500 ครั้งสำหรับผู้ที่ต้องการให้ร่างกายแข็งแรง และ 1,000 ครั้ง ต่อวัน สำหรับผู้มีโรคประจำตัว
เวลาในการแกว่งที่ดีที่สุดคือก่อนอาบน้ำตอนเย็น หลังการแกว่งทุกครั้ง ฝ่ามือทั้งสองจะมีพลังงาน สะสมอยู่ ให้เอาฝ่ามือทั้งสองถูกันให้เกิดความร้อน แล้วไปลูบบริเวณที่เราต้องการรักษา เช่น หัวใจ ท้อง หรือจมูกคอเมื่อเป็นหวัด
จาก นายสามารถ ล.สกุล
โทร.02-987-5843 (บ้าน) , 081-173-0886 มือถือ
ClipVDO สอนแกว่งแขนอย่างถูกวิธี: http://youtu.be/EirpxHlEJA4
เพื่อนๆ ที่ป่วยจะได้หาย เพื่อน ที่ไม่ป่วยจะได้แข็งแรงกันจ้า
วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559
กาแฟ
กาแฟปรุงสำเร็จชนิดผงผสมโสม ที่ให้คุณค่ามากกว่า กาแฟทั่วไป
Coffee Plus กาแฟผสมโสม (เป็นอาหารเจ)
Coffee Plus With Ginseng Extract
เป็นกาแฟเพื่อสุขภาพ มีส่วนผสมของ
โสม เป็นโสมจากเกาหลี ทำหน้าที่ชำระล้างไขมันในเส้นเลือดขยายหลอด
เลือดเพื่อให้เลือดไหลเวียนในร่างกายได้ง่ายและเร็วขึ้น
เลือดเพื่อให้เลือดไหลเวียนในร่างกายได้ง่ายและเร็วขึ้น
กาแฟสด พันธุ์โรบัสต้า คัดพิเศษ คุณภาพสูง สกัดคาเฟอีนต่ำเพียง 0.1% (การที่
นักโภชนาการของซูเลียน เหลือคาเฟอีนไว้ 0.1% เพื่อให้คาเฟอีนวิ่งใน
กระแสเลือดได้ทั่วร่างกาย แต่ระหว่างวิ่งไปตามกระแสเลือดจะนำโสม
อายุ 6 ปีไปด้วย และในโสมยังมีวิตามินบีรวม ช่วยบำรุงตับ)
รับประทานแล้วใจไม่สั่น
นักโภชนาการของซูเลียน เหลือคาเฟอีนไว้ 0.1% เพื่อให้คาเฟอีนวิ่งใน
กระแสเลือดได้ทั่วร่างกาย แต่ระหว่างวิ่งไปตามกระแสเลือดจะนำโสม
อายุ 6 ปีไปด้วย และในโสมยังมีวิตามินบีรวม ช่วยบำรุงตับ)
รับประทานแล้วใจไม่สั่น
ครีมเทียม ผลิตจากพืช หมดปัญหาเรื่องไขมันในเส้นเลือด
น้ำตาล สกัดจากผลไม้(น้ำตาลฟรุกโตส) ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ผู้
ที่เป็นเบาหวานหรืออ้วนก็ทานได้ : ความหวานธรรมชาติที่ได้จากพืช
และผลไม้ที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลธรรมดาถึง 1.6 เท่า เป็น
น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปเผาผลาญเป็นพลังงาน
ได้ทันทีเร็วกว่าน้ำตาลธรรมดา ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเส้นเลือด
ที่เป็นเบาหวานหรืออ้วนก็ทานได้ : ความหวานธรรมชาติที่ได้จากพืช
และผลไม้ที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลธรรมดาถึง 1.6 เท่า เป็น
น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปเผาผลาญเป็นพลังงาน
ได้ทันทีเร็วกว่าน้ำตาลธรรมดา ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเส้นเลือด
เหมาะที่สุดสำหรับผู้สูงอายุ และ ทุกทุกวัย ทุกทุกเพศ ในการช่วยฟื้นฟูโรคปวดต่างๆ รวมถึงปรับระดับน้ำตาล และช่วยขจัดอนุมูลอิสระ
ประโยชน์ของการบริโภคโสม (รวมทั้งดื่ม คอฟฟี่พลัส) คือ:
ประโยชน์ของการบริโภคโสม (รวมทั้งดื่ม คอฟฟี่พลัส) คือ:
ช่วยบำรุงสมอง ช่วยพัฒนาระบบความจำ สมาธิ และสร้างสีสันทางอารมณ์ดีขึ้น ขจัด
ความเครียดของระบบประสาทที่มีผลทางจิตใจความเครียดระยะยาว
ความเครียดของระบบประสาทที่มีผลทางจิตใจความเครียดระยะยาว
บำรุงร่างกายภายใน ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น แข็งแรงขึ้น มีประสิทธิภาพดีขึ้น
ช่วยบำรุงสุขภาพในผู้สูงอายุ อีกทั้งช่วยชะลอความชรา ในที่นี้ต้องบริโภคเป็นประจำ
อย่าง สม่ำเสมอต่อเนื่อง ยังสามารถใช้กับผู้ป่วยพักฟื้นหลังการผ่าตัด และผู้ที่มีอาการ
เชื่องซึมซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของ โรคซึมเศร้า
อย่าง สม่ำเสมอต่อเนื่อง ยังสามารถใช้กับผู้ป่วยพักฟื้นหลังการผ่าตัด และผู้ที่มีอาการ
เชื่องซึมซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของ โรคซึมเศร้า
ช่วยบำรุงเลือดและขยายหลอดเลือด ช่วยในการไหลเวียนของเลือดในร่างกายได้ดีมากขึ้น
ช่วยชะลอความแก่ ทำให้ใบหน้าสดใสอ่อนกว่าวัย บำรุงสุขภาพสำหรับสตรีวัยทอง
อาการหน้ามืด อาการร้อนวูบวาบตามร่างกาย และท่านที่เป็นอัมพฤก-อัมพาต
บริโภคกาแฟโสมทุกวันอาการจะดีขึ้น กลับสู่สภาพได้รวดเร็วและช่วยลด
คลอเรสเตอรอลในร่างกาย สามารถชะล้างไขมันในเส้นเลือดได้ดี
อาการหน้ามืด อาการร้อนวูบวาบตามร่างกาย และท่านที่เป็นอัมพฤก-อัมพาต
บริโภคกาแฟโสมทุกวันอาการจะดีขึ้น กลับสู่สภาพได้รวดเร็วและช่วยลด
คลอเรสเตอรอลในร่างกาย สามารถชะล้างไขมันในเส้นเลือดได้ดี
โสมต่อต้านมะเร็งและลดการอักเสบของบาดแผล หากทานโสมเป็นประจำ สาร
ซาโปนินและโพลีซัคคาลายด์ ที่อยู่ในตัวโสมจะกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวขึ้นมา
เพื่อต่อต้านเนื้องอกและมะเร็งให้ปกติเร็วขึ้น
ซาโปนินและโพลีซัคคาลายด์ ที่อยู่ในตัวโสมจะกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวขึ้นมา
เพื่อต่อต้านเนื้องอกและมะเร็งให้ปกติเร็วขึ้น
มีผลช่วยปรับระดับน้ำตาลในโลหิตของผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะโสมมีสารจินโน
ซานด์ชนิด Rb2 ช่วยเผาผลาญน้ำตาลในเลือดให้ลดลงเป็นปกติ
ซานด์ชนิด Rb2 ช่วยเผาผลาญน้ำตาลในเลือดให้ลดลงเป็นปกติ
ช่วยขจัดความอ่อนเพลีย เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า รวมถึง อาการปวดหลัง ปวดเอว จาก
การทำงานหนักเกินไป รวมถึงอาการ เมาค้าง โดยจะช่วยปรับเพิ่มออกซิเจน เข้าสู่
ร่างกายมากขึ้น ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันที โดยเฉพาะผู้ที่อดนอน ทำงานดึก
อ่อนเพลีย หรือเมาค้าง ช่วยให้จิตใจสดชื่น กระชุ่มกระชวย มีพลังชีวิตมากขึ้น
ช่วยเร่งฟื้นฟูสมรรถภาพ เช่น ภูมิแพ้ ไม่มีเรี่ยวแรง ปวดเมื่อยตามข้อ ไขกระดูก โรค
เก๊าท์ รูมาตอยส์ โลหิตจาง โรคเหน็บชา
การทำงานหนักเกินไป รวมถึงอาการ เมาค้าง โดยจะช่วยปรับเพิ่มออกซิเจน เข้าสู่
ร่างกายมากขึ้น ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันที โดยเฉพาะผู้ที่อดนอน ทำงานดึก
อ่อนเพลีย หรือเมาค้าง ช่วยให้จิตใจสดชื่น กระชุ่มกระชวย มีพลังชีวิตมากขึ้น
ช่วยเร่งฟื้นฟูสมรรถภาพ เช่น ภูมิแพ้ ไม่มีเรี่ยวแรง ปวดเมื่อยตามข้อ ไขกระดูก โรค
เก๊าท์ รูมาตอยส์ โลหิตจาง โรคเหน็บชา
ช่วยฟื้นฟูอาการไร้สมรรถภาพทางเพศ ทั้งชาย และหญิง ซึ่งเกิดจากร่างกายบกพร่อง
อันเนื่องจากวัย
อันเนื่องจากวัย
ช่วยฟื้นฟูและรักษา อาการหอบ หืด และโรคภูมิแพ้ ทางระบบหายใจ
ช่วยในการบำรุงข้อเข่าและข้อต่อต่างๆ อันเนื่องมาจากเคล็ดขัดยอก ในทุกวัย
ช่วยปรับปรุงอาการของสตรีประจำเดือนมาไม่ปกติที่มีอาการคลื่นเหียนอาเจียน ปวด
ท้องและ ปวดปัสสาวะบ่อย ให้ดีขึ้น ช่วยขับน้ำคาวปลาและลดเส้นเลือดขอด
ท้องและ ปวดปัสสาวะบ่อย ให้ดีขึ้น ช่วยขับน้ำคาวปลาและลดเส้นเลือดขอด
ข้อมูลเปรียบเทียบ | |
กาแฟ ผสมโสม คอฟฟี่พลัส | กาแฟท้องตลาด |
คาเฟอีน ——> 0.1% | คาเฟอีน ——> 20 – 26% |
น้ำตาล ——> ฟรุกโตส (ผลไม้) | น้ำตาล ——> จากอ้อย |
ครีมเทียม ——> จากพืช | ครีมเทียม ——-> ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ |
สมุนไพร ——> โสม (ราคาแพง) | สมุนไพร ——-> ไม่มี |
หมายเหตุ ในผู้ป่วยเบาหวานช่วงแรกที่รับประทานกาแฟโสม น้ำตาลจะขึ้นสูง เพราะยา
จากหมอจะไปกดน้ำตาลในกระแสเลือด และกาแฟโสมเข้าไปดันน้ำตาล
ในร่างกายให้ออกมา ให้หมด และหลังจาก 2 เดือน จะเริ่มล้างน้ำตาลใน
กระแสเลือด
หมายเหตุ โสมเป็นสมุนไพรบำบัดสารพัดโรค องค์การอนามัยโลก ให้ชื่อโสมว่า
King of Herb (ราชาสมุนไพร)
จากหมอจะไปกดน้ำตาลในกระแสเลือด และกาแฟโสมเข้าไปดันน้ำตาล
ในร่างกายให้ออกมา ให้หมด และหลังจาก 2 เดือน จะเริ่มล้างน้ำตาลใน
กระแสเลือด
หมายเหตุ โสมเป็นสมุนไพรบำบัดสารพัดโรค องค์การอนามัยโลก ให้ชื่อโสมว่า
King of Herb (ราชาสมุนไพร)
อาการที่อาจเกิดขึ้นได้ในขณะที่เริ่มดื่ม
คอฟฟี่ พลัส กาแฟปรุงสำเร็จรูปชนิดผสมโสม ดื่มเพื่อสุขภาพ
ลำดับ ปฏิกิริยาที่เป็นไปได้เฉพาะบุคคลระหว่างการดื่ม อาจมาจากสาเหตุจากร่างกาย
ไม่ได้เกิดกับทุกคน
ลำดับ ปฏิกิริยาที่เป็นไปได้เฉพาะบุคคลระหว่างการดื่ม อาจมาจากสาเหตุจากร่างกาย
ไม่ได้เกิดกับทุกคน
- ง่วงนอน มีปัญหาเกี่ยวกับตับ และปอด
- เหนื่อย และอ่อนเพลีย มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
- เบื่ออาหาร มีปัญหาเกี่ยวกับม้าม
- รับประทานอาหารได้มากขึ้น ระดับคลอเรสเตอรอลเปลี่ยนแปลง
- ประจำเดือนมามากผิดปกติ มีปัญหาเกี่ยวกับม้าม
- อาเจียน มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการย่อย / กระเพาะ
- มึนศีรษะ ปวดศีรษะ และนอนไม่หลับ มีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิต / ปอด
- มีอาการบวม มีปัญหาเกี่ยวกับไต
- ปวดบั้นเอว มีปัญหาเกี่ยวกับไต
- อุจจาระมีเลือด มีปัญหาเกี่ยวกับทวารหนัก
- มีไข้ ความดัน และความเข้มของเลือดไม่สมดุลย์
- มีแก็สในกระเพาะอาหาร มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้เล็ก / ลำไส้ใหญ่
- มีเหงื่อออก มีปัญหาเกี่ยวกับความร้อนในร่างกายไม่สมดุลย์
- ท้องร่วง มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำดี / ตับ
- เจ็บคอ มีปัญหาเกี่ยวกับปอด / ต่อมทอนซิล
- คันบริเวณตา มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาทตา / ไต
- คันบริเวณจมูก มีปัญหาเกี่ยวกับโพรงจมูก / ระบบหายใจบกพร่อง
- มีผื่นและคัน มีปัญหาเกี่ยวกับเลือด
- คอแห้ง มีปัญหาเกี่ยวกับเลือด
- ปวดตามข้อ และร่างกาย มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือด / กระดูก / เส้นเอ็น
- ท้องผูก มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้
- ปัสสาวะมีกลิ่นฉุน มีปัญหาเกี่ยวกับไต
- ปัสสาวะขัด มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือด / ไต
- น้ำตาลในเลือดเพิ่ม มีปัญหาเกี่ยวกับตับอ่อน
- ความดันโลหิตเพิ่ม มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือด
‘ ไม่ดื่มไม่รู้ถึงความมหัศจรรย์’
ขนาดบรรจุ
- ซองใหญ่ ขนาดบรรจุ 20 กรัม 40 ซอง ราคาขาย 503 บาท (PV-35)
- ซุบเปอร์บิ๊กแพ็ค ขนาดบรรจุ 2 กรัม 84 ซอง ราคาขาย 1005 บาท (PV-70)
เอเยน
ซูเลียนเอเยนซี่
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)