วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ของขวัญจากใจในหลวง

1.อย่าทำลายความหวังของใคร.. เพราะอาจเหลือยู่แค่นั้น....

2.รู้จักฟังให้ดี... โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว๊บๆ เท่านั้น...

3.จะคิดการใด... จงคิดการให้ใหญ่เข้าไว้ แต่เติมความสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย...

4.หัดทำสิ่งดีๆให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัย...โดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้...

5.จำไว้ว่าข่าวทุกขนิดถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น...

6.ใครจะวิจารณ์อย่างไรก็ช่างไม่ต้องเสียเวลาตอบโต้...

7.ให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ 2 ... แต่อย่าให้ถึง 3 ...

8.เราไม่ได้ต่อสู้กับคนโหดร้าย... แต่เราต่อสู้กับความโหดร้ายในตัวคน...

9.เมื่อมีใครสวมกอดคุณ...ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยก่อน....

10.อย่าไปหวังเลยว่า...ชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม...

11.ประเมินตัวเองด้วยมาตรฐานของตัวเองไม่ใช่มาตรฐานของผู้อื่น...

12.คงไว้ซึ่งความเป็นคนเปิดเผย... อ่อนโยน และอยากรู้อยากเห็น....

13.ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเพียงได... สุขุมเยือกเย็นเข้าไว้

14.อย่าวิจารณ์นายจ้าง... ถ้าทำงานกับเขาแล้วไม่มีความสุขก็ลาออกซะ

15.คำนึงถึงการมีชีวิตกว้างขวางมากกว่าการมีชีวิต ยืนยาว”….


อนุภาพนักการเมืองไทย

เมื่อครั้งที่พระเจ้าสร้างโลก





พระองค์มีถุงหนังใบใหญ่เอาไว้ใส่ ของวิเศษต่างๆมากมาย
พระองค์เริ่มต้นด้วยการ สร้างมหาสมุทร ทั้ง7
โดยหลักของการวางของวิเศษ พระองค์จะต้องวางทั้ง
ของดีและของไม่ดี คู่กันไป

เพื่อไม่ให้ประเทศหนึ่งประเทศใด
สมบูรณ์ไปกว่าประเทศอื่นๆ



ทรง เอาเทือกเขาร็อกกี้ น้ำตกไนแองการ่า วางไว้ให้อเมริกา
แล้วก็เอาทะเลทรายอริโซน่า กับพายุทอนาโดวางไว้ด้วย


เอาป่าอเมซอน วางไว้ให้บราซิล ทรงเอาไข้ป่า วางไว้ให้ด้วย

เอาขั้วแม่เหล็กโลก วางไว้ให้แคนาดา
แต่ก็ทรงเอาความหนาวเย็นวางไว้ให้





เอาเทือกเขาหิมาลัย
ให้ธิเบตกับเนปาล เพื่อเป็นปราการกั้นข้าศึก
แต่ก็เอาความเบาบางของอากาศ และความแห้งแล้งไว้ให้

ทุกประเทศจะได้ของคู่กันแบบนี้ ทั้งหมด
.....จึงไม่มีประเทศใดน้อยหน้ากว่ากัน


คราวนี้ พระองค์ทรงลืมประเทศ รูปขวานเล็กๆ ทางแหลมอินโดจีน
ทรงสะพายถุงวิเศษ แล้วก้าวข้ามเขาหิมาลัยไป
แต่ด้วยความที่เขาสูงชันมาก
เทือกเขาได้เกี่ยวถุง! ของพระเจ้าขาด





ข้าวของที่ดีๆ ที่เตรียมเอาไว้ให้ประเทศอื่นๆ
เช่น ชายหาดสวยๆ ผืนดินอุดมสมบูรณ์



ศิลปะวัฒนธรรมดีๆ อาหารอร่อยที่สุ ดในโลก
ดอกไม้ ผลไม้ ชายทะเล ก็เทไปกองรวมกันที่
--- ประเทศไทยหมด ---




ว้า !! แย่แล้ว พระเจ้า ทรงคิดว่า ประเทศนี้
ท่าทางต้องเจริญกว่าประเทศอื่นๆ ทั้งหมดแน่นอน




พระเจ้าทรงมองหาภัยธรรมชาติที่จะมาถ่วงดุล แต่สายเสียแล้ว
พระองค์ทรงเอาภูเขาไฟ กับแผ่นดินไหว ให้ญี่ปุ่นไปแล้ว
ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ประเทศอื่นๆ
จะมาฟ้องร้องพระองค์ได้ว่า พระองค์ไม่ยุติธรรม




จะมีภัยธรรมชาติอันใดหนอที่ จะทำให้ประเทศไทยไม่เจริญกว่า
ประเทศอื่นๆได้ เมื่อทรงคิดได้
เพื่อเป็นการป้องกัน ประเ ทศอันสมบูรณ์ที่สุดในโลกนี้
ไม่ให้เจริญล้ำไปกว่า ที่อื่นๆ

พระองค์ก็เลยสร้าง
.......นักการเมืองไทยขึ้นมา
ถ้ามีนักการเมืองไทยอยู่ล่ะก็



ต่อให้สมบูรณ์แค่ไหน ไทยก็ไม่มีวันเจริญ...

เอาอะไรมาขายกูอีก

สตรีนางหนึ่งแต่งงานมีลูกแล้ว และเธอก็มีชู้ด้วย 1 คน
ทุกวันพุธเธอจะพาชู้มาที่
บ้านเพื่อทำการ(จึ๊กกระดึ๋ย)
และระหว่างนั้นเธอก็จะให้
ลูกชายอายุ 8 ขวบ ไปอยู่ในตู้เสื้อผ้า
พุธหนึ่งสามีเธอเกิดเลิกงานเร็วผิดปกติและกลับบ้านก่อนเวลา

เธอตกใจมาก รีบพาชายชู้มาหลบในตู้เดียวกะที่ลูกชายเธออยู่
พอตู้เสื้อผ้าปิดลงเด็กน้อยก็พูดขึ้นว่า
' ในนี้มืดจังเลยนะครับ '
' อื้อ นั่นน่ะสินะ ' ชายชู้ตอบ

' ผมมีลูกเบสบอลลูกนึง ขายให้คุณ 50 ดอลล่า
เอามั้ยครับ ' เด็กน้อยเสนอ
ชายชู้รีบตอบปฏิเสธทันที ' ไม่เอาเว้ย ขายขูดรีดกันนี่หว่า '
' งั้นผมไปบอกพ่อดีกว่า ว่าคุณอยู่ในนี้
' เออ เอามาก็ได้วะ ' ชายชู้จำยอม

พุธต่อมาก็เกิดเหตุการแบบเดียวกันขึ้นอีก
ชายชู้จึงถูกพาไปหลบในตู้เสื้อผ้าเดิม
'! ในนี้มืดจังนะครับ ' เด็กชายพูดขึ้น
' เออ นั่นสินะ ' ชายชู้กัดฟันพูด
' ผมมีไม้เบสบอลจะขายคุณ 50 ดอลล่า เอามั้ยครับ ?'
' เอามาเล้ย '

ครั้นพุธต่อมาผู้เป็นสามีลาพักร้อน เขาชวนลูกชาย
' นี่ลูก พ่อว่าเราไปเล่นเบสบอลกันดีมั้ย ?'
เด็กชายตอบว่า ' ไม่ได้หรอกพ่อ ผมขายไม้กะลูกบอลไปแล้วในราคา 100 ดอลล่า
ผู้เป็นพ่อโกรธมาก ' แกนี่ทำแบบนี้ได้ยังไง แกไปหลอกขายใคร
มันบาปรู้มั้ยและพระผู้เป็น
เจ้าจะไม่ยอมรับลูกขึ้นสวรรค์ มานี่พ่อจะพาไปโบสถ์


ที่โบสถ์......
ผู้เป็นพ่อพาเด็กชายมาที่ห้องสารภาพบาปซึ่งเป็นห้องที่เล็กๆ และค่อนข้างมืด
' เอ้า เข้าไป แล้วบอกหลวงพ่อไปซะ ว่าแกทำบาปอะไรมา '

เด็กน้อยเข้าไปในห้องนั้นและประตูก็ปิดลง ทิ้งให้เด็กชายอยู่ในความมืด
เด็กน้อยรู้สึกกลัวจึงรำพึงออกมา ' ในนี้มืดจึงเลย... '

ทันใดนั้นบาทหลวงก็ตอบกลับมาว่า
' มึงจะเอาอะไรมาขายกูอีก ?'

คุณเป็นคนอีสานเพียงใด

.ส่อนฮวก หมายถึงอะไร
ก. การทำอาหารที่มีลูกอ๊อดเป็นส่วนประกอบ
ข. การขายลูกอ๊อดที่อยู่ในสวิง
ค. การจับลูกอ๊อดด้วยสวิง
ง. การตักลูกอ๊อดด้วยช้อน
2.ผักอีตู่ บักเขียบ บักมี่ บักนัด หมายถึงอะไร
ก. น้อยหน่า สับปะรด ขนุน ใบแมงลัก
ข. ใบแมงลัก ขนุน น้อยหน่า สับปะรด
ค. ผักชี สับปะรด ใบแมงลัก ขนุน
ง. ใบแมงลัก น้อยหน่า ขนุน สับปะรด
3.ข้อใดต่อไปนี้ หมายถึง ช้อน ปลาหมึก กำไล ตะกร้า
ก. บ่วง ปาอิแฮ ก้องขา กะบุง
ข. บ่วง ปาอิฮือ ก้องหู กะทอ
ค. บ่วง ปาอิฮือ ก้องแขน กะต่า
ง. บ่วง ปาแดก ก้องแขน กะบุง
4.สำนวนใดต่อไปนี้ หมายถึง ฉันไม่แคร์เธอหรอก
ก. บ่ถืกเด้หล่ะ
ข. อีหยังเกาะ
ค. กะซ่างแหล่ว
ง. บ่แคร์ดอก
5.ข้อใด้ต่อไปนี้หมายถึง อาการเหน็บชา
ก. เกี่ยวตีนกิน
ข. ตีนเกี่ยวกิน
ค. ตีนกินเกี่ยว
ง. เกี่ยวกินตีน
6.ข้อใดต่อไปนี้ หมายถึง สิ่งที่มีขนาดเล็กๆน้อยๆ
ก. ข่อแหล่แข่หล่อ
ข. หล่อแข่หล่อข่อ
ค. ข่อหล่อแข่แหล่
ง. ข่อหล่อแข่หล่า
7.ขาววอก จะพูดเป็นภาษาอีสานว่าอย่างไร
ก. ขาวโอกโลก
ข. ขาวโจ่นโพ่น
ค. ขาวจุ๊นพุ่น
ง. ขาวอื่อลื่อ
8.ขี้กะตืก หมายถึงอะไร
ก. ใส้เดือน
ข. พยาธิ
ค. จิ้งจก
ง. กิ้งกือ
9.ถ้าคุณ รู้สึกเบื่อหน่ายมากๆ คุณจะพูดว่า
ก. โอ้ยย บ่ฮู้อีหยังเดี๋ยวหนิ
ข. โอ้ยย อีหยังกะด้อกะเดี้ยแถะเดียวหนิ
ค. โอ้ยย กะหยอนเนาะสูกะเดยย
ง. โอ้ยย กูซะมาศุนย์แฮงเด๊
10. กูมาคันแข่วบักอันนี่เด้ โจมมันหนีแน เอ่อจั่งซี่ไคแหน่ บักควยตู้ หมายถึงอะไร
ก. ชั้นหล่ะอยากตบแกจริงๆ มาตีมัน อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย ไอ้เฮี้ยเอ้ย
ข. คนผีทะเล ชั้นหล่ะโกรธแกจิงๆ ชั้นชอบแก อยู่กับชั้นนะ ไอ้หมาบ้า
ค. ชั้นหล่ะหงุดหงิดกับแกจิงๆ เอามันออกไป อย่างนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย ไอ้โง่เอ้ย
ง. ชั้นละอายแก่ใจจริงๆ มาจูบชั้น แล้วก็ยังไม่ยอมรับอีก ไอ้คนไร้ยางอาย

………………………………………………………………………………………………...

เฉลย: คงคคง คกขขค

………………………………………………………………………………………………...


วิเคราะห์
ตอบถูก 0-0 ข้อ = คุณเป็นชาวต่างชาติ แน่เลย (โปรดตรวจสอบ Species or Pedigree ของท่านดู)
ตอบถูก 1-2 ข้อ = คุณไม่ใช่คนอีสานดอก (ควรเปลี่ยนมาคบเพื่อชาวอีสานบ้าง แล้วจะรู้ว่ามันม๊วนนน ม่วนนน)
ตอบถูก 3-4 ข้อ = คุณไม่น่าใช่คนอีสาน (ถ้าใช่ ท่านอาจลืมกำพืด หรือสายพันธ์ท่านอาจเปลี่ยนแปลงไปแล้ว)
ตอบถูก 5-6 ข้อ = คุณน่าจะเป็นคนอีสานพลัดถิ่น...มั๊ง (ประมาณว่า 11 ไฮโล/ สายพันธ์กำลังจะเปลี่ยนแปลง)
ตอบถูก 7-8 ข้อ = คุณคือคนอีสาน......ขอแสดงความยินดี และภาคภูมิใจนำเด้อออออออ
ตอบถูก 9-10 ข้อ = คุณใช่เลยยย ลาวอีสาน 8 สูบ 360 แรงม้า.... กินเข่าไป๋น้อ มาเด้อ มากินเข่านำกันนนนน”
วันนี้มีเคล็ดลับที่ไม่ลับของทุเรียนมาฝากกัน หากเพื่อนๆ คนไหนที่เวลาจะกินทุเรียนทีไรต้องคิดหน้าคิดหลังสิบแปดตลบ กลัวอ้วนบ้าง กลัวร้อนในบ้าง กลัวคอเลสเตอรอลกระฉูดบ้าง หลังจากอ่านบทความนี้แล้วอาจเปลี่ยนความคิดใหม่ได้ครับ

ถ้ากินตามเทคนิคของปู่ย่าตายายที่ตกทอดกันมา ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาล่ะก็รับรองผอมแน่คะ! นั่นคือให้กินทุเรียนแบบถือว่าเป็นยาถ่ายพยาธิ ไม่ใช่กินเอาอร่อยอย่าที่เรากินๆ กัน ตื่นนอนให้เช้าๆ หน่อย สักประมาณตี 5 (เป็นเวลาที่ธาตุของเราเริ่มทำงาน) หลังจากแปรงฟันล้างหน้าแล้วก็ทานทุเรียนได้เลย จะเลือกพันธุ์ไหนก็ได้ตามรสนิยม ให้ทานได้ประมาณครึ่งลูก คนอ้วนจะทานได้มากกว่านี้นิดหน่อย หลังจากทานแล้วดื่มน้ำอุ่นๆ ตามลงไปด้วยหลังจากทานทุเรียนแล้ว ควรงดอาหารเช้าของวันนั้น ทานติดต่อกัน 2 วัน เส้นใยและความร้อนจากสารกำมะถันในทุเรียนจะไปชะล้างพยาธิและสิ่งสกปรกต่างๆ ในลำไส้ออกมาจนหมด ทำให้คุณผอมลง ร่างกายแข็งแรงสดชื่นด้วย ทุเรียนมีดีรอบด้าน ถึงกินแล้วจะร้อนในไปหน่อย แต่ความดีอย่างอื่นของทุเรียนก็ยังมี แถมมีตั่งแต่ต้นจรดรากซะด้วยสิ!…

เนื้อ: เนื้อทุเรียนมีกำมะถันเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ร้อน แต่ความร้อนนี้ล่ะจะช่วยแก้โรคผิวหนังได้ ทำให้ฝีหนองแห้งเร็ว และมีฤทธิ์ขับพยาธิได้ด้วย
เปลือก: ถ้าเอาเปลือกแหลมๆ ไปสับแช่ในน้ำปูนใส แล้วเอามาล้างแผลพุพอง แผลน้ำเหลืองเสีย แผลจะหายเร็ว หรือถ้าหากมีเด็กในบ้านเป็นคางทูม คนสมัยก่อนเขาก็จะเอาเปลือกทุเรียนไปเผาแล้วบดเป็นผง เอามาผสมกับน้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าว แล้วเอามาพอกที่คาง คางทูมก็จะยุบ

ใบทุเรียน: เอาใบทุเรียนไปต้มกับน้ำแล้วเอาน้ำนั้นมาอาบ ความร้อนจะช่วย ให้หายไข้และโรคดีซ่านได้

ราก:ตัดเป็นข้อๆ ใส่หม้อต้มให้เดือด นำมาดื่มบรรเทาอาการไข้และรักษาอาการท้องร่วงได้ดี

แต่ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามแล้วละก็ คุณอาจจะไม่เคยคิดเลยว่า ทุเรียนจะสามารถทำให้คุณสวยได้ ….

วิธีการไม่ยากเลยเพียงแค่….นำเนื้อทุเรียนสุกพอห่ามๆ ไม่ต้องสุกมาก มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ สักกำมือหนึ่ง ปั่นรวมกับดินสอพอง 1/4 ช้อนโต๊ะ จนเป็นเนื้อข้นๆ ทาไปเลยทั่วผิว เว้นรอบดวงตาและปาก หรือบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงล้างออก ธาตุกำมะถันในทุเรียนจะทำให้สิวแห้งเร็วขึ้น

สรรพคุณมากมายอย่างนี้ สาวๆที่ไม่ชอบทุเรียนอาจจะต้องหันกลับมาสนใจทุเรียนมากขึ้นแล้วละ เพราะทุเรียนมีดีกว่าที่คิด จริงไหม!!!….

ขำได้อีก

ถ้าตอนใส่บาตรแล้วที่ยืนสกปรกมาก จะต้องถอดรองเท้าใส่บาตรด้วยหรือไม่ ?
พระไม่ฉันรองเท้านะโยม ...ไม่ต้องเอารองเท้าใส่มานะ.....


พระนอนไม่หลับ เลยไปหาหมอใหม่จบมาจากเมืองนอก
หมอ: เป็นอะไรครับ
พระ : จำวัดไม่ได้จ๊ะโยมหมอ

หมอ: (ทำหน้างง) แล้วจะกลับวัดยังไง
พระ: (ทำหน้างงด้วย) มามอไซรับจ้างก็ต้องกลับมอไซนะโยม

หมอ: (ทำหน้าง๊งงง) แล้วมอไซร ับจ้างจำวัดได้เหรอ
พระ: (ทำหน้าง๊งงงด้วย) มอไซรับจ้างจำวัดไม่ได้หรอกโยม มีแต่พระที่จำวัดได้

หมอ: (ทำหน้างงง๊งงง) อ้าวไหนบอกว่าจำวัดไม่ได้ไง
พระ : !\=-+#@ %^&*( +", ?

จำวัดเป็นภาษาพระแปลว่านอน.........................

หมอ:
อ๋ออออออออออออออออออออออออออ

ญาติโยมหลายท่านมักถามว่า " ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่อายุยังน้อย อยู่ในเพศบรรพชิตมามากกว่าครึ่งชีวิต มีโอกาสสัมผัสชีวิตฆราวาสไม่มากนัก แล้วเอาข้อมูลวัตถุดิบหรือมุกมาจากไหนหนักหนา"

อาตมาก็ตอบว่า หลักๆเลยก็คือ การอ่าน นอกจากนั้นก็หนังละครที่ญาติโยมดูกันนั่นแหละ พอตอบออกไปอย่างนี้ โยมก็สวนกลับทันที "ไม่ผิดข้อห้ามหรือท่าน"

อาตมาก็จะอธิบา ยไปว่า ดูเพื่อให้เท่าทันกิเลสจะได้สกัดมันถูกและที่สำคัญหากอาตมาไม่รู้หรือไม่เข้าใจ ตลอดจนไม่เท่าทันเรื่องราวทางโลก และจะมาบรรยายธรรมให้ญาติโยมรู้สึกอินกันได้อย่างไร ซึ่งนอกจากการอ่าน การดูและการฟังแล้ว หลายวัตถุดิบที่นำมาสร้างเป็นมุกฮาก็ได้มาจากการพูดคุยกับเหล่าโยมๆนี่แหละ

อย่างวันหนึ่งระหว่างที่อาตมากำลังฉันเพลอยู่ก็มีโยมท่านหนึ่งโทร.มา
"
พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองนะคะ"
"
หา อะไรนะ"
"
พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองค่ะ"
"
ถ้าโยมแทนตัวว่าอาตมา แล้วอาตมาจะแทนตัวอาตมาว่าอะไร"
"
อ๋อ ขอโทษค่ะ"
หลังจากนั้นก็คุยธุระกันจนจบ อาตมาก็กล่าวว่า "เจริญพร"
"
ค่ะ เจริญพรเช่นกัน"
แน่ะ มีอวยพรให้พระด้วย

ข้างต้นก็คือ สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆระหว่างพูดคุยกับเหล่าญาติโยม จนถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับอาตมาไปแล้ว หรืออย่างก่อนหน้านี้มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เดินถือสังฆทานมาอย่างมาดมั่น พอเข้ามาในกุฏิแล้ว เธอก็มุ่งตรงไปที่พระบวชใหม่รูปหนึ่งทันที
"
ถวายสังฆทานค่ะ"

พระบวชใหม่ด้วยความที่ยังจำบทสวดต่างๆ ไม่ค่อยคล่องนัก จึงหยิบหนังสือขึ้นมาดู
"
ไม่ต้องค่ะ " โยมผู้หญิงคนนั้นกล่าวอย่างหนักแน่นตามสไตล์สาวมั่น
"
ดิฉันท่องได้ค่ะ เพราะคุณยายพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ" เธอพนมมือขึ้น ก่อนกล่าวว่า
"อิมานิ มะยัง ภันเต สะปะริวารานิ คิกขุ สังโฆ" (ที่ถูกต้องจะต้องเป็น ภิกขุ สังโฆ)

พระบวชใหม่มีสีหน้างุนงง ก่อนหันมาถามอาตมา
"คิกขุสังโฆ นี่มันฟังทะแม่งๆ
นะหลวงพี่"

อาตมาเกรงว่าโยมผู้นั้นจะหน้าแตก ก็เลยตอบไปว่า "คิกขุ แปลว่า น่ารัก
สังโฆ
แปลว่า สงฆ์ คิกขุสังโฆ ก็คือ แด่พระสงฆ์ผู้น่ารัก" เท่านั้นแหละ
พระใหม่รูปนั้นนั่งยืดทั้งวันเลย
แต่ก็มีบางกรณีที่การพูดผิดของคุณโยมทำให้อาตมาแทบจะสำลัก อย่างเมื่อเร็วๆนี้
มีโยมท่านหนึ่งโทรศัพท์มา "หลวงพี่ขาขอเรียนเชิญนิมนต์ค่ะ"
"
ไปไหนล่ะโยม" "ไปมรณภาพที่บ้านน่ะค่ะ"
โห นิมนต์พระไปตายถึงที่บ้านเลย อาตมาจึงบอกไปว่า ถ้านิมนต์ไปงานศพไปให้ได้
แต่ถ้าเชิญไปมรณภาพนี่ ช่วงนี้อาตมาไม่ว่างจริงๆ ขอตัวเถอะนะโยม

จากตัวอย่างข้างต้น คุณโยมอาจจะเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่มันก็สะท้อนให้เห็นความห่างเหินระหว่างคนกับวัดได้ในระดับหนึ่งปัจจุบันนี้คนจะนึกถึงวัดในกรณีพิเศษ เท่านั้น เช่นงานบวช งานศพ

ต่างกับสมัยก่อนท ี่วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน ฆราวาสกับพระจึงสนทนากันไหลลื่น
ไม่มีคำแปลกๆ หรือผิดที่ผิดทางออกมาให้พระสดุ้งแต่อย่างใดซึ่งถ้าพูดถึงศัพท ์
แสงที่แสลงใจแล้ว
ตอนไปบิณฑบาตอาตมาจะเจอบ่อยมาก เช่นมีอยู่
ครั้งหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินๆอยู่
ก็ได้ยินเสียงใสๆ แว่วขึ้นมา
"
แม่ๆ พระมาขอข้าว"
"
มาเยอะไหมลูก" "มา 2 อัน"
โห เรียกอย่างกับชิ้นส่วนรถยนต์ นี่ถ้ามาเยอะๆไม่เรียกเป็นฝูงเลยเหรอ

ดังนั้นเวลาไปบรรยายธรรมให้นักเรียนฟังอาตมาจะนำเรื่องนี้ไปสอดแทรกเพื่อสอนเด็กๆด้วย
"ถ้าพระกิน เรียก ฉัน"
" พระนอน เรียก จำวัด" (บางคนเรียกขี้เกียจเป็นพระนอนไม่ได้)
" พระป่วย เรียก อาพาธ"
" พระตาย เรียก มรณภาพ" (ไม่ใช่เรียกป่อเต็กตึ๊งนะ)
" แล้วพระอาบน้ำล่ะ เรียกอะไรเอ่ย" คราวนี้อาตมาถามให้เด็กๆ ตอบบ้าง

"เรียกคนมาดู"

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ถ้า....(3)

ถ้าตังค์ไม่มี . . . มองคนขอทานข้างถนน
ถ้าหนี้สินล้น . . . มองคนแย่งกินกับหมา
ถ้าข้าวไม่ดี . . . มองคนไม่มีที่นา
ถ้าชีวิตนี้แย่ . . .มองคนที่แย่ยิ่ง
กว่า

ถ้า....(2)

ถ้าขี้เกียจนัก . . . มองคนไม่มีโอกาส
ถ้างานผิดพลาด . . . มองคนไม่เคยฝึกฝน
ถ้ากายพิการ . . . มองคนไม่เคยอดทน
ถ้างานรีบรน . . . มองคนไม่มี เวลา

ถ้า.......

ถ้าโกรธกับเพื่อน. . . มองคนไม่มีใครรัก
ถ้าเรียนหนัก ๆ . . . มองคนอดเรียนหนังสือ
ถ้างานลำบาก . . . มองคนอดแสดงฝีมือ
ถ้าเหนื่อยงั้นหรือ . . . มองคนที่ตายหมดลม